วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

ก้าวแรกสู่งานโรงแรม


ขอเกริ่นแบบคร่าวๆก่อนเลยนะครับ สำหรับชีวิตการทำงานโรงแรมของลูกผู้ชายตัวเล็กๆในโลกมุมมองแบบกว้างๆ
เริ่มจาก เดือนมิถุนายน ปี2555 นั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ครั้งแรกที่เพื่อนผมโทรมาชวนมาทำงานโรงแรม ในความคิดของผม ณ ตอนนั้น คิดเพียงแค่ว่าเอาวะ มีงานอะไรก็เอาดีกว่าอยู่เฉยๆเพื่อรอให้ต่อสัญญาจากที่ทำงานเก่า ผมจึงได้ลองมาสมัครและสัมภาษณ์งานโรงแรม ตำแน่งงานแรกที่ผมมาสัมภาษณ์คือ IT Supervisor ณ ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าตำแหน่งจะสูงขนาดไหน ตอนวันที่ไปคุยทุกอย่างก็โอเคเลยครับ ราบลื่น เพราะผมมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาทางด้านนี้อยู่ และเคยทำงานในตำแหน่งเดียวกันกับผม แต่เค้าย้ายไปอยู่โรงแรมอื่น เพื่อความก้าวหน้า หลังจากที่สัมภาษณ์งานเสร็จสิ้น ผมก็ไปนั่งคิด นอนคิดสารพัดที่จะคิดว่า งานโรงแรมจะเป็นแบบไหน วันข้างหน้าผมจะไปได้ไกลขนาดไหน ผมมีเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเริ่มงานที่ใหม่ ผมไม่ขอระบุว่าเป็นโรงแรมอะไร แต่อยู่ใน อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎ์รธานีครับ หลังจากที่กลับไปเก็บข้าวของที่บ้านเกิด ขนอะไรมาได้ ก็ขนมาทุกอย่างครับ วันที่มาถึงสมุย ผมก็ตระเวนกับเพื่อนเพื่อหาบ้านเช่า เน้นราคาประหยัด เนื่องจากเงินที่ผมมีนั้นน้อยมาก เพราะนี่เป็นการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆสำหรับผมเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ขับรถอยู่ครึ่งวัน ก็ไปเจอบ้านเช่าหลังแรก ภาพแรกที่เข้ามาในหัว เอ๊ะ บ้านไม้หรอ โล่งมาก แถมอยู่ในป่า เราจะอยู่ได้ไหมเนี๊ย แล้วถ้าหากเราโดนงูกัดใครจะมาช่วยเรา ทำให้ผมต้องขอผ่านกับบ้านหลังนี้ หลังจากนั้นก็ขับรถไปอีกสักพัก ก็ไปเจอป้ายบ้านเช่า ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบๆ 5 โมงเย็นแล้ว ผมก็เลยคิดว่าถ้าดึกไปกว่านี้คงไม่ดีแน่ พอไปดูบ้านปุ๊บผมก็คิดเลย ไม่เอานะ บ้านไม้อีกแล้วหรอห้องก็เล็ก แต่ด้วยงบประมาณที่ผมมี ทำให้ต้องจนใจที่จะเลือกบ้านเช่าหลังนี้เป็นที่ซุกหัวนอน
หลังจากที่ได้บ้านเช่าแล้วคราวนี้ก็นั่งคิด และเรียนรู้งานทางด้านไอทีเบื้องต้น โดยมีเพื่อนของผมคอยแนะนำ วันแรกในการทำงานเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก สำหรับคนที่ไม่เก่งเอาซะเลยในเรื่องภาษาแบบผม เพราะผู้จัดการโรงแรม หรือที่เรียกกันว่า "จีเอม" เป็นชาวต่างชาติ ทำให้ผมคิดเลยว่าเจอปัญหาใหญ่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ณ ตอนนั้นครับ อย่างแรกที่เจอคือ การที่ผมต้องเข้ามาแก้ระบบต่างๆ ซึ่งผมไม่เคยผ่านงานโรงแรมมาก่อน Fidelio & Micros มันคืออะไร ในหัวผมตอนนั้นว่างเปล่าเลย จะแก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ไหนจะปัญหาทางด้านอินเตอร์เน็ต ซึ่งระบบเป็นแบบ VDSL ซึ่งผมไม่รู้จักเลยว่ามันคืออะไร ณ ตอนนั้น ระบบทุกอย่างถือว่าใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่ผมไม่มีเอกสารการต่องานอะไรทั้งสิ้น อาทิตย์แรกของการทำงานผมไม่เคยกลับตรงเวลาสักครั้ง และก็คิดแค่ว่าต้องทำให้ได้ เพราะผมเองก็เดินหน้ามาเต็มที่แล้วถอยหลังไม่ได้ โชคดีที่ผมมีเพื่อนหลายคนไว้คอยปรึกษาในเกือบทุกๆด้าน ทำให้ผมผ่านช่วง 4 เดือนแห่งการทดลองงานมาได้ อาจจะเพราะโชคช่วยให้ผมอยู่รอดมาได้ หรือเพราะทางโรงแรมหาคนมาแทนไม่ได้ในช่วงเวลานั้นก็ตาม หลังจากที่ผมทำงานไปได้สักระยะ ความเข้าใจในสายงานก็เริ่มมีมากขึ้น แต่ผมก็มักจะตกม้าตายอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากระบบที่ผมดูแลนั้นค่อนข้างที่จะเก่า ทำให้มีปัญหาบ่อยครััง ผมก็อาศัยเอาตัวรอดไปวันๆ จนทำงานมาครบ 1 ปี ผมก็เริ่มที่จะมองงานที่ใหม่ เพราะถ้าหากผมยังคงอยู่แต่ที่เดิมๆ ชีวิตนี้ก็คงไม่ได้เจออะไรใหม่ๆ ไม่มีประสบการณ์อะไรทั้งนั้น ผมจึงเริ่มสมัครงานไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็ถือว่าโชคดีมากมีโรงแรมที่หนึ่งเรียกไปสัมภาษณ์งาน ใครที่เคยสัมภาษณ์งานโรงแรมคงจะทราบดีนะครับว่า ช่วงตอนสัมภาษณ์งานเป็นอะไรที่กดดันมาก เราจะเจอคำถามอะไรบ้าง และภาษา ซึ่งผมเองก็ยังไม่เอาไหนเหมือนเดิม ตลอดเวลา 1 ปี ผมไม่ได้พัฒนาตัวเองทางด้านภาษาเลย ตอนสัมภาษณ์งานเริ่มจากฝ่ายบุคคล ผมรู้สึกประทับใจมากครับ เพราะส่วนมากแล้วฝ่ายบุคคลจะพูดอะไรให้เราคล้อยตามและรู้สึกดีมาก ทำให้ผมมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น จากนั้นผมก็มาสัมภาษณ์ต่อกับจีเอม ภาพแรกที่มองคนต่างชาติอีกแล้ว เราจะพูดได้ไหมเนี๊ย แต่พอได้คุยผมรู้สึกโล่งใจมากครับ เพราะจีเอมคนนี้สามารถพูดภาษาไทยได้ แถมพูดคล่องกว่าคนไทยด้วยซ้ำ ผมก็เลยสัมภาษณ์ได้อย่างโล่งใจ และก็ต้องมารอลุ้นอีก 1 อาทิตย์เพื่อรอผล แต่ผมเองก็พอจะทราบเรื่องคนอื่นที่มาสัมภาษณ์ด้วยว่ามีอยู่ 2 คน แต่คนอื่นเค้าเรียกเงินเดือนที่สูงกว่าผมเยอะ ผมก็เลยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้น เหตุผลที่ผมไม่เรียกเงินเดือนสูงก็เพราะ ผมทำงานโรงแรมเพียงแค่ 1 ปี แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาเจออะไรบ้างกับโรงแรมที่อื่น หลังจากรอผล ผมก็ได้งานใหม่ แต่โรงแรมที่ใหม่เค้าต้องการให้ผมเริ่มงานเร็วที่สุด เพื่อที่จะให้ไอทีคนก่อนได้ต่องานกับผม ผมจึงไปทำเรื่องลาออกจากที่เก่า แต่การออกครั้งนี้ผมเขียนใบลาออกแล้วออกมาเลย หรือที่เค้าเรียกกันว่า "Walk out" ซึ่งทำให้ประวัติผมเสียไปเลยในการทำงาน แต่ผมก็ต้องทำ เพื่อที่จะได้งานใหม่
วักแรกของการทำงานที่ใหม่ ทุกอย่างดูใหม่หมดสำหรับผม ทุกอย่างทำให้ผมต้องมีความรับผิดชอบที่มากขึ้น เพราะจำนวนห้องพักของโรงแรมนี้อยู่ที่ 210 ห้อง ทำให้ผมมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะมาก ผมทิ้งความรู้เดิมๆทั้งหมดออก เพื่อที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆ และผมก็มีน้องฝึกงานคอยช่วยอีก 1 คน แต่ในเมื่อผมมีประสบการณ์มาบ้างแล้วในที่แรก ทำให้การทำงานที่แห่งใหม่นี้รายลื่นไปได้ด้วยดี ผมรู้จักที่จะวางตัวมากขึ้น ถึงตำแหน่งผมจะลดลงจากที่แรกก็ตาม อะไรที่ผมสามารถสอนพนักงาน เพื่อให้งานสามารถเดินหน้าไปได้ผมก็สอนหมดทุกอย่าง เพื่อให้การทำงานรวดเร็วและราบลื่น จนถึงตอนนี้ผมได้ปรับตำแหน่งเป็น Assistant IT Manager ในเวลาเพียงแค่ 2 ปีกว่าๆเท่านั้นเอง